Category: เที่ยวภาคกลาง

            ปัจจุบันที่เที่ยวสไตล์ทุ่งดอกไม้ นับเป็นพิกัดท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับตลอดกาลสำหรับคนชอบถ่ายรูป วันนี้เราเลยจะพาไปชมพิกัดถ่ายรูปเด็ดๆ ในจังหวัดสระบุรี ที่โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศของสวนสวย ณ วังเลนเกษตรแฟร์ ที่มีทั้งทุ่งดอกไม้ และสวนผัก ให้เราได้ไปถ่ายรูปกันแบบออลอินวัน ทั้งยังสามารถซื้อผลิตผลทางการเกษตรเหล่านี้ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านกันได้ด้วย

             วังเลนเกษตรแฟร์ แห่งนี้ ตั้งอยู่ใน ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี โดยที่นี่จะประกอบไปด้วยพื้นที่ของสวนดอกไม้ และสวนผักต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ของสระบุรีเลยก็ว่าได้ โดยภายในบริเวณสวน เราสามารถชมทุ่งดอกไม้สวยๆ ที่ปลูกเอาไว้หลากหลายสีสัน ตั้งแต่ดอกคอสมอส ดอกทานตะวัน ดอกปอเทือง และอื่นๆ ที่แข่งกันผลิบานสู้ลมสู้แดดแบบไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะหากไปในช่วงหน้าหนาว ที่มีลมเย็นๆ เบาๆ พัดผ่าน ก็จะยิ่งได้บรรยากาศที่ฟินสุดๆ

             ในส่วนของสวนผักนั้น ก็มีมากมายไม่แพ้กัน ประกอบไปด้วย ผักสลัด กระหล่ำปลี ผักเคล ทั้งสีเขียวและสีม่วง รวมไปถึงผักอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผักที่มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินแบบแน่นๆ เน้นๆ ทั้งยังมีดีที่รูปลักษณ์สวยงาม สีสันสดใส และแน่นอนว่ามาเที่ยวสวนผักกันทั้งที ก็ต้องมีให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านกันได้ด้วย

               ไม่เพียงแต่ผักสดๆ เท่านั้น แต่ที่ วังเลนเกษตรแฟร์ แห่งนี้ก็ยังมี ข้าวโพด จากชุมชน กาแฟหลงไร่ และขนมอร่อยๆ ให้เลือกซื้อ เลือกรับประทานกันอีกมากมายด้วยเช่นกัน รับรองว่าถูกใจสายหวานแน่ๆ

              และสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของ วังเลนเกษตรแฟร์ ที่ใครมาก็จะต้องไม่พลาด นั่นก็คือ การเดินเล่นชมวิว เก็บบรรยากาศ พร้อมกับถ่ายรูปชิคๆ กับสวนดอกไม้ และสวนผักแสนสวย โดยทางสวนได้มีการจัดมุมสวยๆ พร้อมตกแต่งไว้อย่างดี เพื่อไว้ให้คนชอบถ่ายรูปได้แชะภาพกันอย่างจุใจ พูดได้เลยว่ามาที่นี่จะได้ทั้งอิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ และยังได้ภาพสวยๆ กลับไปแบบจุกๆ เลยล่ะ

              สำหรับใครที่สนใจจะเข้าชมความงามของ วังเลนเกษตรแฟร์ ที่นี่มีการเก็บค่าเข้าชมในราคาเบาๆ เพียงคนละ 40 บาท และถ้าอยากได้รูปสวยๆ แบบไม่ต้องทนร้อนเหงื่อตก และไม่ต้องตากแดด แนะนำว่ามาในช่วงเช้าจะดีที่สุด ใครชอบท่องเที่ยวสไตล์ชิคแอนด์ชิลล์ เดินเล่นกินลมชมสวนสวย พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงจ้า

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

               ถ้าพูดถึงที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ นครนายกน่าจะเป็นจังหวัดแรกๆ ที่ชาวกรุงจะนึกถึง เพราะนอกจากอยู่ไม่ไกล ทำให้เดินทางสะดวกแล้ว ธรรมชาติที่นี่ก็สวยงาม แถมอากาศก็ดีอีกด้วย อากาศเย็นๆ แบบนี้ ถ้าได้ออกไปนอนชิลล์ๆ ริมน้ำ ตากลมเย็นๆ ก็คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ ว่าไหม? ถ้าอย่างนั้นก็อย่ารอช้า เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ให้สายแคมปิ้งได้รู้จัก นั่นคือ อ่างเก็บน้ำวังบอน ที่จังหวัดนครนายก

              อ่างเก็บน้ำวังบอน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.นาหินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก นับเป็นอ่างเก็บน้ำที่ร่มรื่น และมีบรรยากาศดีมากๆ เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย จึงเหมาะแก่การมาพักผ่อน นอนกางเต็นท์ ดูวิวทะเลสาบทั้งยามเช้าและยามเย็น ส่วนกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ก็คือ การพายเรือคายัก ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

                ถ้าไม่ชอบพายเรือ จะกระโดดน้ำเล่น หรือนั่งตกปลาชิลล์ๆ บนฝั่งก็ได้ หรือใครจะเช่าจักรยานปั่นชมธรรมชาติรอบๆ บริเวณอ่างเก็บน้ำก็ดีงามไม่แพ้กัน อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือการนอนดูดาวบนทองฟ้าในเวลากลางคืน ซึ่งต้องบอกเลยว่าสวยงามมากๆ ชาวกรุงคนไหนที่กำลังมองหาสถานที่สงบๆ ปราศจากความวุ่นวาย ต้องไม่พลาดอ่างเก็บน้ำวังบอนแห่งนี้

               ปกติแล้วในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ พื้นที่กางเต็นท์ของอ่างเก็บน้ำวังบอนมักจะถูกจับจองจนเต็ม ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จึงเดินทางง่าย ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สายแคมป์ปิงต่างให้ความสนใจ ที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ยังมีห้องอาบน้ำและห้องน้ำไว้ให้บริการด้วย แต่จะไม่มีบ้านพักไว้รองรับ นักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิงจะต้องนำเต็นท์มาเอง หรือจะเช่าเต็นท์และเครื่องนอนของที่นี่ก็ได้เช่นกัน สำหรับใครที่นำเต็นท์มาเอง สามารถนำอาหารสดมาปรุงกินกันได้ที่บริเวณนี้เลย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะมีร้านอาหารไว้คอยบริการอยู่รอบๆ อ่างเก็บน้ำ

               ใครสนใจ สามารถเดินทางไปอ่างเก็บน้ำวังบอนด้วยตัวเองได้ง่ายๆ โดยหากขับรถมาจากตัวเมืองนครนายก ให้ใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 33 จากนั้นก็ให้เลี้ยวซ้ายก่อนถึงอำเภอปากพลี ซึ่งก็คือเส้นทางไปน้ำตกวังม่วงนั่นเอง

               สุดสัปดาห์นี้ถ้าใครยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหน ลองหลีกหนีความวุ่นวายมานอนกางเต็นท์กินบรรยากาศชิลล์ๆ กันที่จังหวัดนครนายกได้ รับรองเลยว่า อ่างเก็บน้ำวังบอน จะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในดวงใจของใครหลายๆ คนได้แน่นอน และยังสามารถแวะไปเที่ยวต่อที่เขื่อนขุนด่านปราการชลได้อีกด้วย

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

                 ลพบุรี อีกหนึ่งจังหวัดใกล้กรุงเทพ ที่เต็มไปด้วยที่ท่องเที่ยวสวยๆ และเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ทั้งโบราณสถานเก่าแก่ และที่เที่ยวแนวธรรมชาติ ใครอยากรู้ว่าจังหวัดน่ารักแห่งนี้มีที่เที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามมาดูกันเลย

พระปรางค์สามยอด
พระปรางค์สามยอด เปรียบเหมือนเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัด เพราะที่นี่เป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์ เรียงต่อกัน เป็นศิลปะแบบเขมร สร้างด้วยศิลาแลง และตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างงดงาม นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากๆ ของลพบุรี

พระนารายณ์ราชนิเวศน์
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา โดดเด่นทั้งด้านความงามทางสถาปัตยกรรมและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ท่านทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับ ออกว่าราชการ  และต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง นอกจากนี้ก็ยังมีอาคารสถาปัตยกรรมอื่นๆ อย่างหมู่ตึกพระคลังศุภรัตน์ หรือหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์รวบรวมของเก่าต่างๆ อีกด้วย

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ใครชอบท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ต้องไม่พลาดไปเดินชิลล์ สูดอากาศดีๆ กันที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนดินสำหรับกักเก็บน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ที่นี่บรรยากาศดีมากๆ โดยบริเวณเขื่อนจะมีสวนเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้สวยๆ ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด นอกจากนี้ยังมีสถานีรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าเขื่อน สามารถไปถ่ายรูปได้ และในช่วงหน้าหนาวก็จะมีขบวนรถไฟนำเที่ยวพิเศษที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ด้วย ใครอยากนั่งรถไฟชมวิวสวยๆ ก็แวะมาได้

อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก
อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยพระนารายณ์ โดยได้มีการขุดอ่างเก็บน้ำขึ้นที่นี่ และต่อท่อเพื่อนำน้ำไปใช้ในพระราชวัง ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ถือเป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่สวยงามมากๆ เพราะล้อมรอบไปด้วยภูเขาและต้นไม้ เหมาะแก่การมารับลมชมวิว ทั้งยังมีแพให้นั่งเล่นคลายร้อนกันชิลล์ๆ อีกด้วย

ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล
ส่วนใครที่ชอบถ่ายรูปกับทุ่งดอกไม้ และอยากมาฟินกับดอกทานตะวันเหลืองอร่าม ก็ต้องแวะมาเที่ยวกันก็คือ ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล ซึ่งดอกทานตะวันจะเริ่มบานในช่วงหน้าหนาวของทุกปี แถมยังมีวิวด้านหลังเป็นภูเขาล้อมรอบ พูดได้คำเดียวว่าบรรยากาศดีสุดๆ

                ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวลพบุรี ก็อย่าลืมแวะมาเช็คอินในสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กันดูนะ รับรองว่าจะได้ความประทับใจกลับไปไม่แพ้จังหวัดไหนๆ เลยทีเดียว

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

                 ถ้าจะบอกว่าระหว่างประเทศไทยกับญี่ปุ่นนั้น ได้เคยมีการติดต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว หลายคนอาจจะนึกกันไม่ออกว่านานขนาดไหน เราก็เลยจะบอกว่าก็นานขนาดที่มีหมู่บ้านของชาวญี่ปุ่นที่มาก่อร่างสร้างตัว อยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันเลยทีเดียว ซึ่งหมู่บ้านที่ว่านี้ตั้งอยู่ห่างจากวัดพนัญเชิงไปแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น

                หมู่บ้านญี่ปุ่น หรือ Japanese Village ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อคริสต์ทศวรรษ 1300 โดยตั้งอยู่ทางด้านฝั่งตะวันออกของแม่นํ้าเจ้าพระยา ตรงข้ามกับหมู่บ้านโปรตุเกส ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายกับคนไทยในสมัยอยุธยา มีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มพ่อค้าที่เข้ามาค้าขาย กลุ่มโรนินที่เข้ามาเป็นทหารอาสา  และกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์ และต้องการเดินทางออกจากญี่ปุ่นเพื่อเสรีภาพในการนับถือศาสนา

               ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หัวหน้าหมู่บ้านญี่ปุ่นในสมัยนั้น คือ ยามาดะ นางามาซะ (Yamada Nagamasa) ได้เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม เขาจัดตั้งกองทหารอาสาญี่ปุ่น และได้มีส่วนช่วยปราบกบฎ ตลอดจนเชื่อมสัมพันธ์ทางการค้าไทย-ญี่ปุ่น จนได้รับการแต่งตั้งเป็น ออกญาเสนาภิมุข ซึ่งภายหลังยังได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชอีกด้วย

                 ปัจจุบันหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่น โดยสมาคมไทย – ญี่ปุ่น ร่วมมือกับนักวิชาการไทยและนักวิชาการญี่ปุ่น เพื่อรำลึกถึงชาวญี่ปุ่นผู้มีบทบาทสำคัญต่อกรุงศรีอยุธยา ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาด้วย

                 หมู่บ้านญี่ปุ่น ได้รับการปรับปรุงในปี พ.ศ.2529 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้เงินช่วยเหลือถึง 999 ล้านเยน หรือประมาณ 170 ล้านบาทไทยในเวลานั้น เนื่องในโอกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ในปีพ.ศ.2530 รวมถึงเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 100 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น และหลังจากนั้นที่นี่ก็ได้รับการปรับปรุงต่อยอดเรื่อยมา เพื่อให้เป็นสถาบันวิจัย และพิพิธภัณฑสถานเกี่ยวกับราชอาณาจักรอยุธยา

                   ไฮไลท์ของที่นี่ คือ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมโดยแต่งกายเป็นชาวญี่ปุ่นโบราณ โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 50 บาท ส่วนใครที่อยากแต่งกายด้วยชุดยูคาตะ หรือชุดกิโมโน ที่นี่ก็มีชุดให้เช่าด้วย โดยด้านในจะมีมุมสวยๆ บรรยากาศญี่ปุ่นมากมายให้ได้เลือกถ่ายรูปกันอย่างจุใจ โดยเฉพาะโซนสวนญี่ปุ่นที่ออกแบบโดยนักออกแบบชาวญี่ปุ่นเอง

                  ภายในอาคาร ยังมีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลที่มีชื่อเสียงในอดีต และคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักมากสำหรับคนไทยก็คือ มารี กีมาร์ (Marie Guimar) หรือ ท้าวทองกีบม้า ราชินีขนมไทยผู้มีเชื้อสายโปรตุเกส-ญี่ปุ่น

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

               ใครมีวันหยุดน้อย อยากจะหาที่เที่ยวใกล้ๆ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี คือตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ยิ่งในช่วงหน้าหนาวที่อากาศเย็นๆ การได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบชาวมอญ ถือเป็นการได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เรามาดูกันดีกว่าว่ามีจุดไหนเป็นแลนด์มาร์กเด็ดๆ บ้าง

สะพานมอญ
สะพานมอญ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานที่มีความสำคัญมาก เพราะใช้เชื่อมความสัมพันธ์ ไทย-มอญ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เสน่ห์ของสะพานแห่งนี้คือความคลาสสิก ทั้งยังเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยด้วย โดยมีความยาวถึง 850 เมตร คนไทยสามารถเดินข้ามไปเที่ยวฝั่งมอญได้แบบไม่ต้องมีพาสปอร์ต ตลอดทางยังมีน้องๆ ชาวมอญเดินเทินของต่างๆ บนหัวมาให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ จะถ่ายรูปด้วยน้องๆ ก็ยินดี หรือบริการทาแป้งแบบคนมอญก็น่ารัก ส่วนเรื่องค่าบริการ ก็แล้วแต่จะให้

วัดใต้น้ำ (วัดวังก์วิเวการามเดิม)
หนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของคนที่มาเที่ยวสังขละบุรีครั้งแรกก็คือการไปชมวัดใต้น้ำ ซึ่งถือว่าเป็น unseen สังขละบุรี เพราะจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้ วัดวังก์วิเวการาม (เดิม) แห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำ และก็ได้มีการย้ายวัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) ไปอยู่ที่เนินเขาแทน ซึ่งถ้าไปช่วงน้ำขึ้นก็จะเห็นวัดปริ่มน้ำโผล่มาเพียงยอดเท่านั้น แต่ถ้าไปช่วงน้ำลง ก็จะได้เห็นวัดแบบเต็มๆ สามารถขึ้นไปเดินชมได้

วัดสมเด็จเก่า
ใกล้ๆ กับวัดใต้น้ำ มีอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องไปเช็คอิน นั่นก็คือ วัดสมเด็จเก่า ซึ่งถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมสามประสบ เมื่อตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดคลาสสิกอีกแห่งของสังขละบุรี ไฮไลต์อยู่ที่โบสถ์ซึ่งมีความขลัง และมีต้นไทรคลุมสวยงาม ดูร่มรื่น ภายในยังมีพระประธานสภาพสมบูรณ์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก

วัดวังก์วิเวการามใหม่
วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ พระเกจิชื่อดังเชื้อสายมอญที่ชาวบ้านเลื่อมใสกันเป็นอย่างมาก โดยวัดแห่งนี้เกิดจากแรงศรัทธาของชาวมอญ ชาวกระเหรี่ยง และชาวไทยที่อาศัยในอำเภอสังขละบุรี มีเจดีย์พุทธคยาสีทองโดดเด่นสวยงามอลังการ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะได้อัญเชิญมากจากประเทศศรีลังกา เพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวสังขละบุรี ด้านหน้าเจดีย์ยังมีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัว สวยสง่า ซึ่งเป็นศิลปะแบบมอญด้วย

               ปิดท้ายที่พลาดไม่ได้เลยคือ ถนนคนเดินสังขละบุรี ตลาดนัดกลางคืน แหล่งรวมของกินของฝากมากมาย และยังมีการแสดงต่างๆ ของชาวมอญและกะเหรี่ยงด้วย ถือเป็นถนนคนเดินที่เพลินและไม่เหมือนใครที่ไหนเลย

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

                  พัทยา นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ใกล้กรุงเทพมากๆ ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึง ใครที่อยากเที่ยวทะเลแต่ไม่อยากเดินทางไกล วันนี้เราจะปักหมุดจุดถ่ายรูปสวยๆ ปังๆ ในพัทยาที่เข้าฟรีไว้ให้ ใครที่ยังไม่แน่ใจว่าไปพัทยาเที่ยวไหนดี ตามมาเช็คลิสต์กันได้เลย

จุดชมวิวพัทยา เขาพระตำหนัก
เชิญมาชิลล์มาชมวิวสวยๆ กันได้ที่ จุดชมวิวพัทยา เขาพระตำหนัก ตั้งอยู่ระหว่าง หาดพัทยาใต้ กับ หาดจอมเทียน ตรงนี้เป็นจุดชมวิวเมืองพัทยา ที่สวยมากๆ โดยเราจะสามารถมองเห็นพัทยาจากมุมสูง เห็นวิวชายหาด และทะเลโดยรอบ ส่วนไฮไลท์ก็คือด้านบนซึ่งเป็นที่ตั้งของป้าย Pattaya City ถือเป็นแลนด์มาร์คสวยๆ ที่มีคนแวะมาถ่ายรูปกันไม่ขาดสาย

วัดพระใหญ่ พัทยา
วัดพระใหญ่ เป็นวัดสวยประจำเมืองพัทยา โดดเด่นด้วยหลวงพ่อพระใหญ่สูงกว่า 300 ฟุต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดชลบุรี และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวชลบุรีเป็นอย่างมาก ภายในวัดยังประดิษฐานพระพุทธสุโขทัยวลัยชลธารให้สักการะ ส่วนด้านบนของวัดก็ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นทิวเขา ชายทะเล และวิวพระอาทิตย์ตกได้งดงามสุดๆ

หาดพัทยา
พัทยากลาง นับเป็นแลนด์มาร์คของเมืองพัทยาที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแทบจะตลอดเวลา เพราะเป็นชายหาดที่นิยมมากที่สุด และเป็นเหมือนศูนย์รวมความบันเทิง โดยมีกิจกรรมให้เลือกทำได้มากมาย เต็มไปด้วยที่พักและร้านอาหาร ทั้งยังเป็นที่จัดงานเทศกาลพลุนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ ปีอีกด้วย

ตลาดจีนชากแง้ว
ชากแง้ว เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ก่อตั้งโดยชาวจีนโบราณ ซึ่งปัจจุบันมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ตั้งอยู่ในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลุบรี มีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร มีตลาดจีนเป็นศูนย์กลาง และมีบ้านเล็กใหญ่รายล้อมอยู่มากมาย ตลาดซากแง้วแห่งนี้ถือเป็นตลาดชุมชนชาวจีนที่มีการค้าขายกันอย่างคึกคัก ด้วยบรรยากาศของถนนคนเดิน ร้านค้าต่างๆ และบ้านเรือนโบราณสไตล์จีนที่อนุรักษ์ไว้ตลอดสองข้างทาง

ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา

เป็นตลาดน้ำที่รวมเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทยทั้ง 4 ภาคมารวมไว้ในที่เดียว ภายในตลาดมีทั้ง ร้านขายของกิน ร้านขายของที่ระลึก และเรือนไทยไม้สักที่สวยงาม นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งเรือเที่ยวชมตลาดน้ำได้อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวบรรยากาศแบบไทยๆ ที่มาเดินเล่น ถ่ายรูป หาของกินอร่อยกันได้ทั้งวันเลย

                    ใครที่อยู่กรุงเทพ และมีวันหยุดไม่เยอะ วันว่างๆ ก็ลองมาเที่ยวชิลล์ๆ กันที่พัทยาได้นะ รับรองว่าฟินไม่แพ้จังหวัดไกลๆ เลยล่ะ

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

                     ถ้าพูดถึงอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี หลายคนคงนึกถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันร่มรื่น สงบ และสวยงาม เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นทั้งภูเขา น้ำตก และจุดเช็คอินสวยๆ อีกมากมาย ซึ่งโอบล้อมไปด้วยบรรยากาศของทิวเขาในจังหวัดสระบุรี และสถานที่หนึ่งที่เราจะขอพูดถึงในวันนี้ก็คือ อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ที่เที่ยวชิลล์ๆ ที่ใครมาเห็นเป็นต้องหลงรักในความสวยงาม

                    อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ตั้งอยู่ในเขตของตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ครอบคลุมพื้นที่กว่า 25,500 ไร่ มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน สูง 44 เมตร กว้าง 9 เมตร ยาว 1,157 เมตร และมีความสามารถในการกักเก็บน้ำได้มากกว่า 61 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมถึงยังใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการผลิตน้ำประปาที่สำคัญของคนในชุมชนที่อยู่บริเวณนี้อีกด้วย

                     แรกเริ่มเดิมทีนั้น อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์หลักคือ เพื่อไว้ใช้ในการเกษตร เนื่องจากชาวสระบุรีส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมกันเป็นหลัก ในช่วงหน้าแล้งจึงต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนนี้ในการเพาะปลูก รวมทั้งใช้เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน แต่ต่อมาด้วยความสวยงามของบรรยากาศโดยรอบ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ

                     นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำเจ้าพระยาบางส่วนได้ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำสำหรับทำการประมง และการเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำ ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงาม เพราะมีจุดชมวิวธรรมชาติสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาปั่นจักรยานชมวิว หรือจะวิ่งออกกำลังกายก็ได้ตามสะดวก เรียกว่าดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจในเวลาเดียวกัน

                   จุดเด่นของ อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก คืออยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางนานก็ได้สูดอากาศบริสุทธ์ รับโอโซนจากธรรมชาติได้เต็มปอดแล้ว ใครมีเวลาน้อยก็สามารถมาเที่ยวพักผ่อนได้แบบสบายๆ จะไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ ไม่จำเป็นต้องพักค้างคืน

                  ที่นี่ยังถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของสระบุรี ที่มีถนนเลียบสันเขื่อน บวกกับภูเขาล้อมรอบ บริเวณด้านซ้ายของ อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ยังถือเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาที่สามารถมองเห็นวิวของ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้อย่างสวยงามอีกด้วย  ใครเป็นสายปั่นจักรยาน หรือสายวิ่งเพื่อสุขภาพ และกำลังมองหาทำเลเหมาะๆ ทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพ บอกเลยว่าถ้าพลาดที่นี่แล้วจะต้องเสียใจ เพราะคงหาสถานที่วิวสวยๆ เหมาะๆ แบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ ส่วนสายถ่ายรูป ยิ่งพลาดไม่ได้ใหญ่ เพราะบรรยากาศของ อ่างเก็บน้ำมวกเหล็กแห่งนี้ ถึงแม้ค่าเดินทางมาเที่ยวจะแค่หลักร้อย แต่รับรองว่าได้วิวหลักล้านกลับไปอวดเพื่อนพ้องในโซเชียลกันอย่างแน่นอน

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

                ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นช่วง ปลายฝนต้นหนาว ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้เที่ยวชมความงามของทะเลหมอก และสูดอากาศสดชื่นกันให้ชุ่มฉ่ำปอด แต่จะมีสถานที่ไหนที่เราสามารถไปชาร์จแบตให้ธรรมชาติเยียวยาได้บ้าง เรามีข้อมูลดีๆ มาแนะนำ

1. ไร่ชาฉุยฟง / เชียงราย
   นับเป็นไร่ชายอดฮิตที่สามารถเที่ยวได้ทั้งหน้าฝนและหน้าหนาวเลยทีเดียวสำหรับ ไร่ชาฉุยฟง โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะเราจะได้วิวสวยๆ ของไร่ชาที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝนเป็นพรอพเก๋ๆ ให้ได้ถ่ายรูปกันแบบแบบพาโนราม่า นอกจากนี้ก็ต้องไม่พลาดลองชาเขียวปั่นกับชีสเค้กชาเขียวที่คาเฟ่ของไร่ชา ซึ่งใช้ชาเขียวจากไร่เองเลยด้วย

• ผาชะนะได / อุบลราชธานี

เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับชื่อของ ผาชะนะได กันมาบ้างจากข่าวพยากรณ์อากาศ เนื่องจากที่นี่เป็นผาที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของประเทศไทย จึงเป็นจุดที่พระอาทิตย์ขึ้นเป็นจุดแรกของประเทศ ผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตของ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เมื่อได้ขึ้นไปบนหน้าผาแล้วมองลงมา จะเห็นวิวเบื้องล่างที่สวยงามอลังการมาก นั่นคือวิวของแม่น้ำโขงที่กั้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับลาว ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจี และทะเลหมอกเหนือลำน้ำโขง

• ดอยหัวหมด / ตาก
  ดอยหัวหมด เป็นจุดชมทะเลหมอกชื่อดังของจังหวัดตาก ตั้งอยู่ในเขตอำเภออุ้มผาง หากมาเที่ยวที่นี่เราจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมากๆ โดยสามารถขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือผืนทะเลหมอกยามเช้า พร้อมกับชมวิวแบบพาโนราม่าได้ โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว แนะนำให้ขึ้นไปดูทะเลหมอกในช่วงตี 5 ถึง 6 โมงเช้า จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด นอกจากทะเลหมอกสวยๆ แล้ว ที่นี่ยังมีทุ่งดอกไม้สีชมพู ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งทั่วดอย จนทำให้ ดอยหัวหมด ในช่วงเวลานั้น ถูกเรียกว่า ดอยชมพู เลยทีเดียว

• ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง / ยะลา

ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ภาคอื่นๆ เลย สำหรับทะเลหมอก อัยเยอร์เวง ในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่สำคัญคือ มีทะเลหมอกให้เราได้เห็นกันแทบทั้งปีอีกด้วย และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ การเดินบน สกายวอล์คอัยเยอร์เวง ซึ่งเป็นพื้นกระจกใส ตั้งอยู่บนระดับความสูงกว่า 2,038 ฟุต ยาว 61 เมตร นับว่าเป็นสกายวอล์คที่ยาวที่สุดในอาเซียนเชียวนะ

                แนะนำกันไปครบถ้วนแล้ว สำหรับที่เที่ยวเด็ดๆ ในการชมทะเลหมอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว ทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง และใต้ ใครสะดวกไปที่ไหน ก็เชิญได้ตามอัธยาศัย หรือใครอยากจะไปให้ครบทุกที่ก็ไม่ว่ากันจ้า

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน

ไปเที่ยวอุทยาน ร.2 อัมพวา สงบร่มรื่นย้อนรอยอดีต

อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ อุทยาน ร.2  ตั้งอยู่ในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ลักษณะเป็นอาคารทรงไทย แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น หอกลาง ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 2 และจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย หัวโขน ห้องชาย จัดแสดง ให้เห็น

ลักษณะความเป็นอยู่ของชายไทยที่มีความกล้าหาญ มีพระพุทธรูปสำหรับบูชารวมทั้งแท่นพระบรรทม ซึ่งเชื่อว่าเป็นของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ห้องหญิง แสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของหญิง ไทยโบราณ โต๊ะเครื่องแป้ง คันฉ่อง ชานเรือน จัดแสดงตามแบบบ้านไทยโบราณ ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดัด ไม้ประดับ ห้องครัวและห้องน้ำ จัดแสดง

ลักษณะครัวไทยมีเครื่องหุงต้ม ถ้วย โรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติ เป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดและมีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง จำหน่ายพันธุ์ไม้  อุทยาน ร.2 เป็นสถานที่ๆ มีความร่มรื่น เหมาะสำหรับเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศแบบไทยที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้

การเดินทางไปอุทยาน ร.2

1.ทางรถยนต์

ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 35 ถึงกิโลเมตรที่ 63 เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 325 เข้าจังหวัดสมุทรสงคราม 6 กิโลเมตร ถึงบริเวณอุทยานฯ (มีป้ายบอกตลอดทาง) จากตัวเมืองมีรถประจำทางสาย บางมูลนากผ่าน ขึ้นได้ที่ ตลาดเทศบาลเมือง

2.รถประจำทาง

ขึ้นรถได้ที่ตลาดเทศบาลอำเภอเมือง สายแม่กลอง-บางนกแขวก–ราชบุรี ลงหน้าอุทยาน ร.2

อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ อุทยาน ร.2 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีเนื้อที่ 11 ไร่ บริเวณที่ก่อสร้างอุทยานพระบรมราชานุสรณ์นี้ พระราชสมุทรเมธี เจ้าอาวาสวัดอัมพวันเจติยาราม เป็นผู้น้อมเกล้าฯ ถวาย ซึ่งที่บริเวณนี้มี ความสำคัญเพราะเป็นสถานที่พระราชสมภพของรัชกาลที่ 2

ภายในอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ มีเรือนไทยหมู่ 5 หลัง ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัย 4 หลัง จัดแสดงศิลปวัตถุในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เครื่องใช้ส่วนพระองค์ของร.2 เช่น พระแท่นบรรทมศิลปะจีน นอกจากนี้ยังแสดงความเป็นอยู่ของชาวไทยในสมัย ร.2 จัดแสดงอาวุธสงครามโบราณและข้าวของเครื่องใช้ของสตรีมีฐานะในอดีต เรือนไทยอีกหลังใช้เป็นสถานที่ซ้อมโขนละคร ในวันที่ 24 กพ. ของทุกปีจะมีการจัดแสดงโขนถวายหน้าพระที่นั่งในสวนของอุทยานฯ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 2

หอกลาง ประดิษฐานพระบรมรูป ร.2 และโบราณวัตถุ หอนอนชาย แสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของชาวไทย หอนอนหญิงแสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของหญิงโบราณชานเรือน จัดแสดงตามแบบบ้านไทยโบราณห้องครัว และห้องน้ำ แสดงลักษณะครัวไทยและห้องน้ำของชนชั้นกลาง นอกจากนี้ยังมีโรงละครกลางแจ้ง สวนพฤกษชาติ เป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดกว่า 140 ชนิด เช่น ยี่สุ่น ช้างโน้ม ทับทิมหนู สารภี และมีมะพร้าวพญาซอซึ่งเป็นพันธุ์หายากที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้นำมาปลูกภายในอุทยานฯ

ช่องทางการติดต่อ

อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ อุทยาน ร.2 

ตำบล อัมพวา อำเภออัมพวา สมุทรสงคราม 75110

เวลาทำการ: 08.30-16.30 น. (หยุดทุกวันพุธ)

โทรศัพท์: 034 751 666

นี่ก็คือ ไปเที่ยวอุทยาน ร.2 อัมพวา สงบร่มรื่นย้อนรอยอดีต ที่นำมาฝากกัน ใครที่อยากจะไปเที่ยวที่นี่กัน ก็ให้ติดต่อไปตามช่องทางที่แนบไว้ด้านบนกันได้เลย แล้วบทหน้าเรามาพบกันใหม่กับสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปสรรหามาฝากกันอีกได้ในทุกสัปดาห์ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนกันบ้าง เราต้องมาติดตามกันต่อ

สถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ ที่รวม ที่เที่ยว ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไว้ที่นี่ทั้งหมด เที่ยวไปกับเรา tiewkanna.com สามารถติดตามทาง page Facebook กิน นอน เที่ยวไหน