ถ้าพูดถึงป่าลุ่มน้ำอเมซอน ใครๆ ก็คงรู้กันดีถึงกิตติศัพท์เรื่องความยิ่งใหญ่ มีมนต์ขลัง และเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความงดงามอย่างยากที่จะหาถ้อยคำมาเปรียบได้ คงจะดีไม่น้อยเลยถ้าประเทศไทยของเราจะมีป่าแบบนั้นให้ได้ท่องเที่ยวกันบ้าง วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกับ “คลองสังเน่ห์” ที่ได้ชื่อว่าเป็น Little Amazon แห่งเมืองตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งว่ากันว่าที่นี่มีความคล้ายกับป่าอเมซอนเลยล่ะ

แม้ตะกั่วป่าจะเป็นเมืองชายทะเล แต่ก็โอบล้อมไปด้วยขุนเขา แถมยังมีผืนป่าเล็กๆ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Little Amazon เมืองไทย” ทีเดียว
คลองสังเน่ห์ เป็นคลองสายสั้นๆ ที่มีต้นน้ำมาจากเขาบางเต่า และไปสิ้นสุดที่แม่น้ำตะกั่วป่า จึงเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ซึ่งส่วนใหญ่การท่องเที่ยวในลักษณะนี้มักได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียมากกว่า โชคดีที่ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าเล็กๆ แห่งนี้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น คนไทยเราจึงได้มีโอกาสได้เที่ยวกับเค้าบ้าง

หากใครจะมา แนะนำให้เลือกช่วงเวลาล่องเรือเป็นตอนเช้าที่แดดยังอ่อนๆ และหากเป็นช่วงเวลาที่น้ำลงด้วย ก็จะได้เห็นรากของต้นไทรริม 2 ฝั่งคลอง และไม้ชายน้ำที่มีรากเกาะเกี่ยวกันได้อย่างถนัดตา ตลอด 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยต้นไทรยักษ์ที่มีอายุเป็น 100 ปี แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปทุกทิศทุกทาง แถมยังมีรากที่ทิ้งตัวลงสู่สายน้ำอีกนับไม่ถ้วน
บริเวณรอบๆ ยังเต็มไปด้วยป่าต้นจากที่รกครึ้ม ยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมคล้ายป่าดงดิบในอเมซอนเข้าไปใหญ่ จึงเป็นที่มาของชื่อ Little Amazon นั่นเอง นอกจากต้นไทรยักษ์และต้นจาก เรายังได้เห็นต้นตีนเป็ดน้ำขึ้นแทรกตัวอยู่ทั่วไป และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ที่นี่จึงแหล่งอาหารชั้นดีของนกนานาชนิด รวมถึงกระรอก กระแต และปลาเล็กปลาน้อยก็ได้ผลไทรสุกเป็นอาหารด้วย และถ้าใครโชคดีก็จะได้เห็น นกเงือก บินมาหาอาหารในตอนเช้าๆ ด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจากการล่องเรือชมนกชมไม้ไปตามลำน้ำที่ไหลเอื่อยแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งความตื่นเต้นในขณะล่องเรือลอดผ่านกิ่งก้านของต้นไทรก็คือ การได้พบกับ งู อันเป็นเสน่ห์ที่บ่งบอกถึงความสมบูรณ์แห่งป่า ซึ่งที่นี่ก็มีทั้ง งูเขียว งูปล้องทอง และงูอื่นๆ อีกหลายชนิด โดยในช่วงกลางวันจะเป็นเวลาที่บรรดางูๆ มานอนขดนิ่ง เพื่อรอออกหากินในตอนกลางคืนนั่นเอง
เมื่อล่องเรือชมวิวไปเพลินๆ ใน คลองสังเน่ห์ เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ด้วยเวลาชั่วโมงกว่าๆ เราจะได้เห็นถึงความมหัศจรรย์มากมายของสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในมุมเล็กๆ ของเมืองไทย และก็ไม่ใช่เพียงเท่านี้ เพราะยังคงมีอีกมากมายให้ได้ค้นหา